2.การแจ้งย้ายปลายทาง |
เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ
การแจ้งการย้ายที่อยู่ปลายทาง หมายความว่า การแจ้งการย้ายที่อยู่โดยผู้ขอแจ้งย้าย สามารถไปขอแจ้งย้ายออกและขอแจ้งย้ายเข้าต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่ไปอยู่ใหม่โดยไม่ต้องเดินทางกลับไปขอแจ้งย้ายออก ณ สำนักทะเบียนเดิมที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านจากทะเบียนบ้าน
หลักฐาน
- สำเนาทะเบียนบ้าน (ฉบับเจ้าบ้าน) ของบ้านที่จะย้ายเข้า - บัตรประจำตัวประชาชนของผู้แจ้งย้าย หรือบัตรประจำตัวตามกฎหมายอื่นพร้อมสำเนาบัตรที่ลงชื่อเจ้าของบัตรกำกับไว้ - เจ้าบ้านที่จะย้ายเข้าอยู่ใหม่ - บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้านที่จะย้ายเข้าอยู่ใหม่ - หนังสือยินยอมให้แจ้งย้ายเข้าของเจ้าบ้านที่จะเข้าอยู่ใหม่ (กรณีเจ้าบ้านไม่สามารถไปดำเนินการแจ้งย้ายได้) - หนังสือมอบหมายจากผู้ย้ายที่อยู่ บัตรฯ พร้อมด้วยสำเนาบัตรฯ ที่ลงชื่อเจ้าของบัตรกำกับไว้ ทั้งผู้มอบและผู้รับมอบ
(กรณีผู้แจ้งย้ายที่อยู่มอบผู้อื่นมาดำเนินการแทน ผู้รับมอบหมาย 1 คน ควรดำเนินการแทนผู้ประสงค์จะแจ้งย้ายที่อยู่ปลายทางได้ ไม่เกิน 3 คน และทั้ง 2 ฝ่ายควรเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันไม่ว่าจะเป็นญาติ คนรู้จัก ผู้มีส่วนได้เสีย หรือผู้ที่มีนิติสัมพันธ์) |
|
|
3.การแจ้งย้ายปลายทางอัตโนมัติ |
ผู้ย้ายที่อยู่สามารถติดต่อขอแจ้งย้ายต่อนายทะเบียนแห่งท้องที่ที่ผู้นั้นอาศัยอยู่ใหม่ได้ โดยไม่ต้องกลับไปภูมิลำเนาเดิมที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ถ้าเป็นการย้ายที่อยู่ระหว่างสำนักทะเบียน ON-LINE 1,082 แห่ง ที่จัดทำทะเบียนบ้านแบบสมุดพก ได้แก่ สำนักทะเบียนในจังหวัด กรุงเทพมหานคร ชลบุรี นครปฐม พิษณุโลก เชียงใหม่ นครราชสีมา อุดรธานี สุราษฎร์ธานี สงขลา อำเภอเมืองปทุมธานี และสำนักทะเบียนในจังหวัดอื่นๆ อีก 67 จังหวัด จะสามารถแจ้งย้ายผ่านระบบคอมพิวเตอร์เสร็จภายในเวลา 15 นาที เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท |
|
|
4.การทำบัตรประจำตัวประชาชน |
คุณสมบัติของบุคคลที่ต้องทำบัตร
ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งมีอายุตั้งแต่สิบห้าปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกินสิบเจ็ดปีบริบูรณ์ และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนตามบทบัญญัติมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติบัตประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2526 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2542
ผู้ซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีบัตร ซึ่งมีบัตรประจำตัวตามกฎหมายอื่น ให้ใช้บัตรประจำตัวนั้นแทนบัตรประจำตัวประชาชน แต่หากประสงค์จะขอมีบัตร (รวมทั้งผู้ซึ่งมีอายุเกินเจ็บสิบปี) ก็สามารถทำได้และต้องเสียค่าธรรมเนียมตามที่กฎหมายกำหนด |
|
|
5.การแจ้งเกิด |
หลักเกณฑ์
เมื่อมีคนเกิดต้องแจ้งชื่อคนเกิดให้ถูกต้องตามหลักการตั้งชื่อบุคคล พร้อมกับการแจ้ง การเกิด
คนเกิดในบ้านให้เจ้าบ้านหรือบิดาหรือมารดาแจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่มีคนเกิดในบ้าน ภายในสิบหาวันนับแต่วันเกิด
เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ - สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
- บัตรประจำตัวประชาชนผู้แจ้ง
- หนังสือรับรองการเกิดจากโรงพยาบาล (ถ้ามี) |
|
|
6.การแจ้งตาย |
หลักเกณฑ์ เมื่อมีคนตายให้แจ้งการตาย
(1) คนตายในบ้าน
ให้เจ้าบ้านหรือผู้พบศพแจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ที่มีคนตาย ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง นับแต่เวลาตายหรือพบศพ
(2) คนตายนอกบ้าน
ให้คนที่ไปกับผู้ตายหรือผู้พบศพแจ้งต่อนายทะเบียนผู้รับแจ้งแห่งท้องที่ ที่มีการตายหรือพบศพ หรือแห่งท้องที่ที่จะพึงแจ้งได้ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาตายหรือเวลาพบศพ กรณีเช่นนี้ จะแจ้งต่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจก็ได้
กำหนดเวลาให้แจ้งตาย (1) และ (2) ถ้าท้องที่ใดการคมนาคมไม่สะดวก ผู้อำนวยการทะเบียนกลางอาจขยายเวลาออกไปตามที่เห็นสมควร แต่ต้องไม่เกินเจ็ดวันนับแต่เวลาตายหรือเวลาพบศพ
หากไม่ปฏิบัติตาม (1) และ (2) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ - สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้านที่คนตายมีชื่อและรายการบุคคล (ถ้ามี) - หนังสือรับรองการตายจากโรงพยาบาล (ถ้ามี) - บัตรประจำตัวประชาชนของผู้แจ้ง |
|
|
7.การแจ้งย้ายเข้า |
หลักเกณฑ์
เมื่อมีผู้ย้ายที่อยู่เข้าอยู่ในบ้าน ให้เจ้าบ้านแจ้งการย้ายเข้าภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ย้ายเข้าอยู่ในบ้านหากไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ - สำเนาทะเบียนบ้าน (ฉบับเจ้าบ้าน)
- บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้าน
- หนังสือมอบหมายจากเจ้าบ้าน (กรณีผู้แจ้งย้ายไม่ใช้เจ้าบ้าน)
- บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าบ้าน
- ใบแจ้งการย้ายที่อยู่ (ท.ร.6) ตอนที่ 1 และ 2 ซึ่งเจ้าบ้านลงนามยินยอมให้ย้ายเข้าแล้ว |
|
|
8.การจดทะเบียนสมรส |
เอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียนสมรส - บัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้
- สำเนาหนังสือเดินทางกรณีชาวต่างประเทศ
- หนังสือรับรองสถานภาพบุคคลจากสถานทูตหรือสถานกงสุลหรือองค์การของรัฐบาลประเทศนั้น มอบหมายพร้อมแปล (กรณีชาวต่างประเทศขอจดทะเบียนสมรส)
- สำเนาทะเบียนบ้าน |
|
|
9.การจดทะเบียนหย่า |
เอกสารที่ใช้เพื่อการจดทะเบียนหย่า คือ
- บัตรประจำตัวประชาชน
- ใบสำคัญการสมรส
- หนังสือหย่าหรือหนังสือสัญญาหย่า |
|
|
10.การเปลี่ยนชื่อตัวและชื่อรอง |
ตาม พ.ร.บ. ชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 บุคคลสัญชาติไทยต้องมีชื่อตัวและชื่อสกุลและจะมีชื่อรองด้วยก็ได้
ชื่อตัว คือ ชื่อประจำตัวบุคคล
ชื่อรอง คือ ชื่อซึ่งประกอบถัดจากชื่อตัว
ชื่อสกุล คือ ชื่อประจำวงศ์สกุล
เอกสารประกอบการดำเนินการ -สำเนาทะเบียนบ้าน
-บัตรประจำตัวประชาชน
-ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว (กรณีบุคคลต่างด้าว) |
|
|
11.การขอจดทะเบียนชื่อสกุล |
เอกสารประกอบการดำเนินการ - สำเนาทะเบียนบ้าน
- บัตรประจำตัวประชาชน
- ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว (กรณีบุคคลต่างด้าว) |
|
|
12.การขอร่วมใช้ชื่อสกุล |
เอกสารประกอบการดำเนินการ
ขั้นตอนที่ 1 (สำหรับเจ้าของผู้จดทะเบียนชื่อสกุล) -สำเนาทะเบียนบ้าน
-บัตรประจำตัวประชาชน
-หนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนชื่อสกุล (แบบ ช.2)
ขั้นตอนที่ 2 (สำหรับผู้ขอร่วมชื่อสกุล) -สำเนาทะเบียนบ้าน
-บัตรประจำตัวประชาชน
-หนังสืออนุญาตให้ร่วมใช้ชื่อสกุล |
|
|
13.การจดทะเบียนรับรองบุตร |
เอกสารที่ใช้ในการติดต่อ - หนังสือแสดงความยินยอมของบุตร
- หนังสือแสดงความยินยอมของมารดาของบุตร |
|
|
14.การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม |
หลักฐานที่ต้องนำไปแสดง - บัตรประจำตัวประชาชน
- หนังสืออนุมัติจากคณะกรรมการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม (กรณีบุตรบุญธรรมเป็น ผู้เยาว์) |
|
|
15.พินัยกรรม |
พินัยกรรม มี 5 แบบ คือ
-พินัยกรรมแบบธรรมดา
-พินัยกรรมเขียนเองทั้งฉบับ
-พินัยกรรมทำเป็นเอกสารฝ่ายเมือง
-พินัยกรรมทำเป็นเอกสารลับ
-พินัยกรรมทำด้วยวาจา |
|
|
16.การขอจดทะเบียนสมาคม (ไม่รวมสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์) |
ให้ผู้จะเป็นสมาชิกของสมาคมจำนวนไม่น้อยกว่าสามคน ยื่นคำขอตามแบบ ส.ค.1 ณ กองกำกับการ 3 กองตำรวจสันติบาล 2 สำนักงานตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำหรับในกรุงเทพมหานคร หรือที่ว่าการอำเภอ/ที่ว่าการกิ่งอำเภอ สำหรับในจังหวัด พร้อมเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้ จำนวน 3 ชุด
-ข้อบังคับของสมาคม
-รายชื่อ ที่อยู่ และอาชีพของผู้ที่จะเป็นสมาชิก ไม่น้อยกว่า 10 คน
-รายชื่อ ที่อยู่ และอาชีพของผู้ที่จะเป็นกรรมการของสมาคม
-รายงานการประชุมก่อตั้งสมาคม
-แผนผัง ที่ตั้งสังเขปของสมาคม ทั้งสำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขา (ถ้ามี)
-หนังสืออนุญาตให้ใช้สถานที่ของสมาคม
-สำเนาหรือภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ทางราชการออกให้ และภาพถ่ายสำเนา-ทะเบียนบ้านของผู้จะเป็นสมาชิกและผู้จะเป็นกรรมการสมาคม
-เอกสารอื่นๆ (ถ้ามี)
อัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสมาคม -ค่าจดทะเบียนสมาคม 2,000 บาท
-ค่าจดทะเบียนการแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคมหรือค่าจดทะเบียนการแต่งตั้งกรรมการของสมาคมขึ้นใหม่ทั้งชุดหรือการเปลี่ยนแปลงกรรมการของสมาคมบางส่วน ครั้งละ 200 บาท
-ค่าขอตรวจเอกสาร ครั้งละ 50 บาท
-ค่าคัดสำเนาเอกสารพร้อมด้วยคำรับรองถูกต้อง ฉบับละ 10 บาท แต่ไม่เกิน 500 บาท
-ค่าคำขอให้นายทะเบียนดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับสมาคม ครั้งละ 5 บาท |
|
|
17.ทะเบียนศาลเจ้า |
ทะเบียนศาลเจ้า
ศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ในที่ดินของรัฐ หรือที่ดินซึ่งเอกชนให้เป็นกรรมสิทธิ์ของศาลเจ้า ศาลเจ้านั้นจะอยู่ในการกำกับดูแล โดยราชการ และมีผู้จัดการปกครองศาลเจ้า และผู้ตรวจตราสอดส่องศาลเจ้า ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากราชการเป็นผู้บริหารกิจการศาลเจ้า
หลักเกณฑ์ การอุทิศที่ดินให้เป็นทรัพย์สินของศาลเจ้า เมื่อมีผู้ประสงค์จะอุทิศที่ดินของตน ซึ่งมีศาลเจ้า ตั้งอยู่แล้ว หรือที่ดินแห่งอื่นให้เป็นทรัพย์สินของศาลเจ้า มีขั้นตอนปฏิบัติ ดังนี้
ผู้ประสงค์จะอุทิศที่ดินของตนให้เป็นทรัพย์สินของศาลเจ้าให้ยื่นเรื่องราวแสดงความจำนงเป็นลายลักษณ์อักษรต่อปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ นายอำเภอ หรือ ผู้อำนวยการเขต ซึ่งที่ดินนั้นตั้งอยู่ พร้อมด้วยหลักฐานดังต่อไปนี้
-คำร้องระบุชื่อและที่อยู่ของผู้อุทิศที่ดิน
-สำเนาทะเบียนบ้าน
-บัตรประจำตัวประชาชน
-รายละเอียดที่ดินซึ่งจะอุทิศให้พร้อมโฉนดที่ดิน หรือหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน
-จังหวัด อำเภอ สำนักงานเขต ปฏิบัติดังนี้
-รับเรื่องราวของผู้ประสงค์อุทิศที่ดิน
-ตรวจสอบความถูกต้องและเอกสารทั้งหมด
-สอบสวนผู้ประสงค์อุทิศที่ดินตามแบบ ปค.14 เกี่ยวกับการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินที่จะอุทิศให้และเจตนารมย์ของผู้อุทิศให้
-เมื่อเห็นว่าถูกต้องรวบรวมหลักฐานและเอกสารทั้งหมด พร้อมทั้งเสนอความเห็นไปจังหวัด หรือกรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาอนุมัติและรับมอบที่ดิน |
|
|
18.ทะเบียนการขายทอดตลาดและค้าของเก่า |
หลักฐานประกอบการขออนุญาต -บัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว พร้อมใบประกอบธุรกิจและสำเนา
-ทะเบียนบ้านและสำเนา
-รูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 3 รูป
-ทะเบียนพาณิชย์ หรือหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลและสำเนา
-หนังสือยินยอมให้ใช้สถานที่ทำการค้า หรือหลักฐานการเป็นเจ้าของหรือสัญญาเช่า
-ใบอนุญาตจากกรมศิลปากรและสำเนา กรณีประกอบอาชีพขายทอดตลาดหรือค้าของเก่าประเภทโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ ตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
-ทะเบียนสุสานและฌาปนสถาน
เอกสารหลักฐานประกอบการยื่นเรื่อง -ภาพถ่าย บัตรประจำตัวประชาชน หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
-สำเนา หรือภาพถ่ายทะเบียนบ้าน
-หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิ์ครอบครองที่ดินที่จะใช้เป็นที่ตั้งสุสานฯ
-แผนที่แสดงเขตที่ดินที่จะใช้เป็นที่ตั้งสุสาน รวมทั้งบริเวณใกล้เคียง
-แผนผังแสดงการใช้ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างให้กิจการของสุสานฯ
* สำหรับนิติบุคคลต้องยื่นเอกสารประกอบด้วย ดังนี้
-หลักฐานแสดงการเป็นนิติบุคคลและวัตถุประสงค์ของนิติบุคคล
-หลักฐานแสดงว่า ผู้ยื่นคำขอเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลผู้ขอรับใบอนุญาต |
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น